A Blogger by Beamcool

Wednesday, August 12, 2009

การเลี้ยงดูลูก - ศักยภาพสูงสุดของลูกน้อยด้าน การพัฒนาทักษะการรับรู้ ( เสียงดนตรีสำหรับลูกน้อย )

Posted by wittybuzz at 12:02 AM
คุณแม่กำลังกอดลูกน้อยที่กำลังงอแงไว้แนบอก แกว่งไกวตามจังหวะ และเริ่มฮัมเพลงง่ายๆ ซ้ำไปซ้ำมาเป็นจังหวะตามการเคลื่อนไหว เสียงของคุณแม่ช่างนุ่มนวลและอบอุ่น โดยร้องเสียงขึ้นๆ ลงๆ ให้ลูกน้อยฟัง ในไม่ช้าลูกน้อยก็ผ่อนคลาย และเขาก็เคลิ้มหลับไปในอ้อมกอดของคุณแม่ คุณแม่ค่อยๆ ร้องเพลงเบาลง และกลายเป็นเสียงกระซิบ จากนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป

เราสามารถเห็นฉากเช่นนี้ได้ในทุกยุคทุกสมัย ในเกือบทุกวัฒนธรรม ก่อนที่จะมีเสียงเพลงจากวิทยุเทปเหมือนทุกวันนี้ และก่อนที่จะมีการประดิษฐ์เตียงนอนเด็กที่แกว่งเองได้ คุณแม่เป็นคนแกว่งและร้องเพลงให้ลูกน้อยฟังด้วยตัวเอง และคุณพ่อคุณแม่ส่วนมากก็ยังคงชอบร้องเพลงให้ลูกน้อยฟังเอง

ในทุกวันนี้ เพลงมักอยู่ในรูปเทปหรือซีดี ผมได้เรียนรู้วิธีพาลูกคนแรกของผมเข้านอนโดยฟังเพลงของ Emmy Lou Harris แล้วเต้นไปด้วย (และก็ทำให้ผมชอบฟังเพลงสไตล์ลูกทุ่งอยู่พักหนึ่ง) หลายปีต่อมา ในขณะที่ผมกำลังค้นคว้าเรื่องวิธีและขั้นตอนเกี่ยวกับพ่อและลูกอยู่ ("Daddy's Delight," พฤศจิกายน 2538) ผมก็พบว่าวิธีการพาลูกเข้านอนแบบประหลาดๆ ที่ผมใช้อยู่จนเป็นกิจวัตรประจำวันนี้ มันช่างเป็นวิธีที่แสนจะธรรมดาเหลือเกิน คุณพ่อเกือบทุกคนที่ผมพูดคุยด้วย มีเพลงพิเศษที่เขาใช้เล่นหรือใช้เพื่อปลอบโยนลูกของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น

เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องฝึกเดินไปพร้อมกับลูกน้อย และหากเปิดเพลงคลอไปด้วย คุณพ่อคุณแม่ก็จะรู้สึกสนุกยิ่งขึ้น และหากเปิดเพลงคลอไปด้วยไม่ได้เสียหายอะไร มีแต่จะทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าการปลอบโยนลูกไม่ได้เป็นงาน แต่เป็นความสนุกมากกว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็น่าจะหยิบเทปเพลงโปรดขึ้นมาเปิดฟังสักหน่อย แต่นักวิจัยค้นพบว่าเด็กก็ตอบสนองต่อเสียงเพลงเช่นกัน

ใน Your Baby Needs Music บาร์บาร่า เคส เบกส์ ผู้ก่อตั้งโปรแกรมดนตรี Listen, Like, Learn สำหรับเด็กวัยแบเบาะและเด็กเล็กรายงานว่า “เด็กสามารถซึมซับเสียง เสียงพูด และเสียงดนตรีตั้งแต่เขายังเล็กมากๆ และเมื่อเขามีอายุได้ประมาณ 24 วัน เขาจะสามารถแยกแยะการเปลี่ยนแปลงจังหวะเล็กน้อยได้ เมื่ออายุได้หนึ่งเดือน จะสามารถจดจำเสียงของสมาชิกในครอบครัวได้ เมื่ออายุได้ 5 เดือน เด็กจะสามารถจดจำเสียงเพลงทันทีที่เขาได้ยินเสียงส่วนใดส่วนหนึ่งของเพลง หลังจากที่เขาได้ฟังเพลงนั้นทุกวัน

บาร์บาร่ากระตุ้นให้คุณพ่อคุณแม่ให้ใช้วิธีอื่นนอกเหนือจากการเปิดเพลงให้ ลูกฟังเพียงอย่างเดียว และคุณพ่อคุณแม่ควรร้องเพลงให้ลูกฟังเอง ซานดร้า ทรีฮับ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยโตรอนโต ซึ่งได้ศึกษาเรื่องของการตอบสนองของเด็กต่อการร้องเพลง เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เธอกล่าวว่า “การร้องเพลงได้ถูกนำมาใช้ในการทำงานและการเล่นทั่วทุกมุมโลก การร้องเพลงสามารถสร้างความเพลิดเพลินใจและทำให้เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสานความสัมพันธ์”

ซานดร้าแนะนำว่า ดูเหมือนว่าการร้องเพลงให้ลูกน้อยฟังนั้น เป็นเรื่องธรรมชาติของคนส่วนใหญ่ “แม้ในขณะที่เราคุยกับเด็ก เราก็ยังเปลี่ยนการพูดของเราให้ฟังคล้ายเสียงดนตรีมากยิ่งขึ้น เราทำให้เสียงพูดของเราเป็นฟังดูเป็นจังหวะและมีเสียงซ้ำๆ กันมากยิ่งขึ้น และเรายังเน้นเสียงให้แหลมสูงอีกด้วย การพูดแบบเป็นเสียงเพลงทำให้เสียงฟังดูแสดงออกถึงอารมณ์มากขึ้น และเด็กๆ ก็จะตอบสนองต่อเสียงแบบนี้

ซานดร้ากล่าวอ้างถึงการศึกษาอันน่าตื่นตาตื่นใจชิ้นหนึ่งซึ่งคุณแม่ได้ บันทึกเสียงเพลงเดียวกัน 2 ครั้ง โดยครั้งหนึ่งร้องให้ลูกฟัง ส่วนอีกครั้งหนึ่งร้องตอนที่อยู่คนเดียว จากนั้นจึงเปิดเทปทั้งสองม้วนให้เด็กฟัง ผู้ใหญ่ที่ดูวีดีโอบันทึกภาพเด็กที่กำลังฟังเทป สังเกตเห็นว่าเด็กดูคล้ายกับว่าจะให้ความสนใจเทปม้วนหนึ่งมากกว่าอีกม้วน หนึ่ง และเทปม้วนที่เด็กสนใจมากกว่าก็คือม้วนที่บันทึกเสียงเพลงที่คุณแม่กำลัง ร้องเพลงให้ลูกฟังนั่นเอง

การร้องเพลงให้ลูกฟังมีข้อได้เปรียบเหนือการเปิดเทปให้ลูกฟังในจุดนี้นี่เอง –นั่นก็คือการสานความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับลูก

แม้ว่าเหตุผลเหล่านี้จะมีน้ำหนักมากพอแล้วที่คุณแม่ควรจะร้องเพลงให้ลูกฟัง แต่บาร์บาร่ายังอ้างเหตุผลที่ว่าการร้องเพลงยังช่วยในเรื่องพัฒนาการของเด็ก อีกด้วย “ถึงแม้ว่าศูนย์กลางรับรู้เสียงเพลงและศูนย์กลางควบคุมการพูดจะอยู่คนละส่วน กันในสมอง แต่เรารับรู้ว่าการร้องเพลงสามารถช่วยในด้านของการพูดได้ และแน่นอนว่าเสียงฮัมเพลงและการร้องเพลงเป็นทำนองมีลักษณะใกล้เคียงกับการ พูดมากกว่าการร้องเพลง เสียงฮัมเพลงและเพลงกล่อมเด็กมีความสำคัญสำหรับเด็ก เพราะจะช่วยให้เด็กรู้สึกเพลิดเพลินใจและรู้สึกปลอดภัย นอกจากนั้น การร้องเพลงให้ลูกฟังยังเป็นก้าวแรกไปสู่เส้นทางการเรียนรู้อันยาวไกลและจะ ช่วยให้ลูกพูดและเข้าใจคำพูดอีกด้วย”

แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณแม่ร้องเพลงไม่เก่งนัก ทั้งซานดร้าและบาร์บาร่าต่างสร้างความมั่นใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่ยังลังเล ไม่กล้าร้องเพลงให้ลูกฟังโดยที่มีผู้ใหญ่คนอื่นอยู่ด้วย ทั้งสองกล่าวว่า ลูกน้อยของเราอาจเป็นผู้ฟังเพียงคนเดียวที่ไม่เคยวิจารณ์การร้องเพลงของเรา เลย ”เด็กๆ จะไม่พูดว่า ‘โอ้โห แม่ร้องเพลง Twinkle, Twinkle Little Star' ไม่เอาไหนเลย" ซานดร้ากล่าวอย่างขบขัน ที่จริงแล้ว เด็กๆ ชอบในแบบที่คุณพ่อคุณแม่เป็น และคุณพ่อคุณแม่ส่วนมากพบว่าตัวเองสามารถร้องเพลงให้ลูกฟังได้อย่างตามใจตัว เองซึ่งแต่ก่อนจะร้องเพลงแบบนี้ได้ก็ต่อเมื่อตอนอาบน้ำเท่านั้น

ที่มา : ฮักกี้ดอทซีโอดอททีเฮท

0 comments:

Post a Comment

 

Mama And Baby Care Copyright © 2009 Baby Shop is Designed by Ipietoon Sponsored by Emocutez