A Blogger by Beamcool

Monday, August 3, 2009

การเลี้ยงดูลูก - ศักยภาพสูงสุดของลูกน้อยด้าน การพัฒนาทักษะการรับรู้ ( ความรู้สึกนึกคิดของเด็ก )

Posted by wittybuzz at 7:13 AM
คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วลูกน้อย เรียนรู้อะไรบ้างนับตั้งแต่เขาเกิดมาไปจนถึงเมื่อเขาเข้าเรียนอนุบาล ลูกน้อยแสนฉลาดของคุณจะเรียนรู้วิธีการเดิน การพูด และการทานอาหารเอง เขาจะเรียนรู้วิธีการเข้าห้องน้ำ การผูกมิตร และจะสามารถถามคำถามและคิดคำตอบได้

อันที่จริงแล้ว เด็กในช่วงวัยแรกเกิดไปจนถึง 3 ปีเรียนรู้ผ่านทางการมีปฏิสัมพันธ์ในแต่ละวันได้มากกว่าคนในช่วงวัยอื่น การวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงใน The Scientist in the Crib: Minds, Brains and How Children Learn (William Morrow, 1999) โดยหนังสือเล่มนี้มีนักเขียนร่วมกัน 3 ท่านคือ เอลิสัน กอพนิค นักจิตวิทยาด้านการรับรู้ชั้นนำประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เมืองเบิร์กเลย์และแอนดรูว์ เมลต์ซอฟฟ์ ผู้ริเริ่มด้านจิตวิทยาในทารกประจำมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และแพททริเซีย เค คูหล์ ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านพัฒนาการทางภาษา

ตามที่ผู้เขียนกล่าวไว้ สิ่งหนึ่งที่ลูกน้อยของคุณจะเรียนรู้เป็นอย่างแรกๆ ก็คือการเรียกร้องความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ เมื่อเขาหิว ผ้าอ้อมเลอะเทอะ หรือเหนื่อยล้า เขาก็จะร้องไห้

“โรซานจะกรีดร้องถ้าเขาเจ็บ เมื่อเขาเหนื่อยล้า เขาจะร้องสะอึกสะอื้น เวลาคุณแม่ของเขาเดินเข้ามาในห้อง เขาจะแสดงอาการมีความสุข” เดนนิสคุณพ่อของโรซานวัย 8 เดือนกล่าว “แต่เมื่อผมกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้าน โรซานก็พร้อมที่จะเล่นอย่างเต็มที่ เขาไม่อยากให้ผมมองอะไรเลย และเขาก็อยากให้ผมเล่นกับเขาคนเดียว”

ในกระบวนการเรียนรู้นี้ ลูกน้อยของคุณกำลังเรียนรู้เรื่องอารมณ์ของคนเรา เขาจะรู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อทำให้คุณหัวเราะและเพื่อให้คุณชอบ และเขาจะรู้ว่าอะไรบ้างที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่โกรธจากการสังเกตปฏิกิริยาของ คุณ

“เพียงแค่สบตากัน จัสตินก็รู้เองว่าเขาจะทำอะไรที่เขากำลังทำอยู่ต่อไปได้ไหม” แคลอรีนกล่าวถึงลูกชายวัย 2 ขวบของเธอ “เขาจะแตะต้องอะไรก็ตามที่ฉันไม่อนุญาต ฉันรู้ดีว่าเขารู้ว่าไม่ควรจะแตะต้องมัน เขาพยายามที่ลองดูว่าฉันจะเปลี่ยนใจไหม”

วิธีที่เด็กวัย 3 ขวบเห็นข้อมูลอะไรก็ตาม และรับรู้แล้วจึงเรียนรู้จากข้อมูลนั้น เขาจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ถึงสองเท่า คุณแม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า “เด็กสามารถซึมซับข้อมูลได้เหมือนกับฟองน้ำ” มาก่อนไหม เด็กหลายคนที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบได้ยินได้ฟังภาษาที่สอง และเขาไม่เคยบอกกับตัวเองว่าเขาพูดไม่ได้ พวกเขาจะเรียนรู้ได้ด้วยการมอง การปฏิบัติ และพยายามที่จะลองทำ

วิธีการที่ดีที่สุดเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกน้อยหรือกระตุ้นให้เขา เรียนรู้มากขึ้น ก็คือเพียงแค่ใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากขึ้นเท่านั้นเอง หากคุณแม่ทำงานนอกบ้าน ก็ควรหาสถานที่รับเลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพสูงให้เป็นคนเลี้ยงเขา

“สถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กวัยหัดเดินและเด็กวัยแบเบาะก็คือ การมีผู้ใหญ่เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดหลายๆ คนและมีเด็กโตที่เคยเล่นกับเด็กเล็กบ่อยๆ คอยดูแลในบรรยากาศที่กระตุ้นให้เขาเคลื่อนไหวร่างกาย” เอลิสันกล่าว

ในระหว่างที่คุณแม่ใช้เวลากับลูกน้อย ให้พยายามเล่น พูดคุย แลกเปลี่ยน และเอาใจใส่เขาอย่างใกล้ชิด ให้ใช้โอกาสทั้งหมดเท่าที่มี หากเขาอยู่ในอารมณ์อยากเต้น ก็ให้ร่วมเต้นรำกับเขา หากลูกกำลังเล่นจ๊ะเอ๋ ก็ให้คุณแม่ร่วมเล่นกับเขา ขอให้ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ คุกเข่าลงบนพื้นและตอบสนองกับเขา ลูกน้อยจะเรียนรู้ในสถานการณ์เวลาที่ไม่มีของเล่นให้เล่น

“หลังอาหารมื้อค่ำ ผมชอบนั่งอ่านหนังสือพิมพ์โดยมีอเล็กซ์กอดคลอเคลียผมอยู่” แดนนี่คุณพ่อของอเล็กซ์วัย 27 เดือนกล่าว “เขาแกล้งทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์และเขานั่งอยู่บนตักผมเฉยๆ ได้ตั้ง 20 นาที ผมชอบช่วงเวลานี้มากและก็คิดว่าเขาก็ต้องชอบเหมือนกันแน่ๆ”

พวกเขาจะเรียนรู้ด้วยการเฝ้ามองเด็กคนอื่นๆ หรือผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่เป็นคนคอยดูแลเขาในชีวิตประจำวัน

“รูปแบบการเล่นที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ ไม่ได้เป็นกิจกรรมที่จะต้องจัดแยกเป็นพิเศษไว้ในตารางเวลาประจำวันของเด็ก แต่ว่าเป็นการเล่นที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเวลาที่ผู้ใหญ่กับเด็กอยู่ด้วยกัน” เอลิสันกล่าว “ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่สามารถกำหนดว่าต้องทำกิจกรรมหนึ่งๆ มากน้อยแค่ไหนถึงจะดี”

เวลาที่เด็กโยนข้าวของออกจากเตียงนอนของเขา เขาก็ได้เรียนรู้ไปในตัว เขากำลังเรียนรู้ในขณะที่อาบน้ำ และเขากำลังเรียนรู้เมื่อลงไปนั่งอยู่ในหม้อและกระทะในตู้เก็บของ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจดูเหมือนว่าไม่สำคัญนัก แต่เด็กกำลังได้เรียนรู้เรื่องเสียง การใช้ชีวิต และสภาพแวดล้อม เขากำลังค้นหาว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง

ส่วนสำคัญของการวิจัยค้นพบว่าเด็กที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่จะส่งผลให้ พัฒนาการของเด็กแย่ลง เด็กจำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่กับเด็ก เมื่อเด็กไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ก็จะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของเขา เอลิสันกล่าวว่าตนเองกังวลว่าเด็กๆ วัยแรกเกิดไปจนถึง 3 ขวบอาจไม่ได้รับปฏิสัมพันธ์ที่มีคุณภาพเพียงพอเพื่อพัฒนาจิตใจและอารมณ์ให้ ถึงระดับที่ควรจะเป็นเมื่อถึงวัยเข้าเรียนอนุบาล

“หนึ่งในห้าของเด็กตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัย 3 ปีเจริญเติบโตขึ้นท่ามกลางความยากจน” เอลิสันกล่าว “เราให้ความสนับสนุนแก่ประชาชนในด้านการศึกษาและการเรียนรู้ในทุกด้าน แต่เราไม่ได้สนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กในช่วง 3 ปีแรกเลยแม้แต่น้อย”

เอลิสัน แอนดรูว์ และแพททริเซียได้เรียกร้องภาครัฐบาลให้พัฒนาโปรแกรมเพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณ แม่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกให้มากขึ้น เช่น การยืดหยุ่นเวลาหรือทำงานพาร์ทไทม์และทำงานที่บ้าน นอกจากนั้น พวกเขายังเรียกร้องให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่พ่อแม่ที่ต้องส่งลูกเข้า สถานรับเลี้ยงเด็กให้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งสามคนคิดว่าอาชีพพี่เลี้ยงเด็กได้ค่าตอบแทนที่สูงขึ้นและได้รับการยอม รับมากขึ้นก็จะทำให้มีอัตราคนที่ลาออกจากอาชีพนี้น้อยลง

แม้ว่าจะมีปัจจัยมากมายที่มีส่วนสนับสนุนพัฒนาการของเด็กได้ แต่ผู้เขียนได้ย้ำเตือนคุณพ่อคุณแม่ว่าในช่วง 3 ปีแรกนั้นมีความสำคัญมาก และกระตุ้นให้ทุกคนใส่ใจในประเด็นนี้

เมื่อเล่นกับเจ้าตัวเล็ก

* มีปฏิสัมพันธ์กับลูกน้อยบ่อยๆ และใช้หลากหลายวิธี
* แสดงความสนใจอะไรก็ตามที่เขาสนใจ
* ปล่อยให้เขาได้ทดลองและลองทำอะไรหลายๆ อย่าง
* สร้างโอกาสแห่งการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายให้กับเขา ยกตัวอย่างเช่น หาหม้อกระทะ ตะกร้าใส่ผ้าสะอาดๆ หรือกล่องเปล่าให้เขาเล่น
* จำกัดพฤติกรรมใดๆ ก็ตามของเขาที่ไม่เหมาะไม่ควรอย่างเคร่งครัด
* แสดงให้ลูกรู้ว่าคุณรักและภาคภูมิใจในตัวเขา

ที่มา : ฮักกี้ดอทซีโอดอททีเฮท

0 comments:

Post a Comment

 

Mama And Baby Care Copyright © 2009 Baby Shop is Designed by Ipietoon Sponsored by Emocutez