A Blogger by Beamcool

Saturday, August 8, 2009

การเลี้ยงดูลูก - ศักยภาพสูงสุดของลูกน้อยด้าน การพัฒนาทักษะการรับรู้ ( ทำไมการหัวเราะถึงเป็นสัญญาณของการเรียนรู้ )

Posted by wittybuzz at 6:26 PM
การติดตามเสียงหัวเราะ

การหัวเราะสามารถปลดปล่อยความตึงเครียดได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลมากมายว่าทำไมการหัวเราะถึงเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งใน พัฒนาการของเด็ก การมีอารมณ์ขันมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความเชื่อมั่นในตัวเอง การเรียนรู้การแก้ปัญหา และช่วยหล่อหลอมทักษะทางสังคม หลุยส์ แฟรนซินี่, PhD ผู้เขียนเรื่อง Kids Who Laugh: How to Develop Your Child's Sense of Humor (Square One, 2545) ได้อธิบายว่า “การมีอารมณ์ขันเป็นลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งที่คนเราอยากมีมากที่สุด” เขากล่าว “และคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยส่งเสริมให้ลูกมีอารมณ์ขันได้โดยไม่ต้องสงสัยการ มีอารมณ์ขันเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่คุณแม่สามารถปลูกฝังให้เขาได้อย่างสนุก สนาน และต่อไปนี้เป็นวิธีกระตุ้นต่อมหัวเราะของเจ้าตัวน้อยเมื่อเขาโตขึ้น

ดังเช่นที่เราทุกคนทราบดีว่าอารมณ์ขันมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นคำ การทำอะไรตลกๆ ให้เขาดูหรือการทำให้เขาประหลาดใจนิดๆ หน่อยๆ แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนมากยอมรับว่ารากฐานของการสร้างอารมณ์ขันคือ นำสิ่งที่มีรูปร่างที่เขาคุ้นเคยออกมาให้เขาดู จากนั้นก็พลิกของนั้นคว่ำลงหรือทำให้ดูแปลกตาไป

ด้วยเหตุนี้เอง เด็กที่ยังเล็กมากๆ จึงยังไม่มีอารมณ์ขันอย่างจริงๆ จัง เพราะว่าเขายังกำลังเรียนรู้ว่าโลกมีมุมมองเช่นไร รู้สึกอย่างไร และมีเสียงอย่างไรในสภาพแวดล้อมปกติ ดังนั้น เขาจึงไม่ “เข้าใจเรื่องตลกๆ” เมื่อมีอะไรผิดแปลกแหวกแนวไป ดังนั้น เด็กอายุประมาณ 4 เดือนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเป็นครั้งแรกเพื่อตอบสนองที่คุณแม่กระตุ้นเขา ตัวอย่างเช่น หากคุณแม่จับเขานั่งบนเข่าของคุณแม่แล้วโยกขึ้นโยกลง เขาก็จะหัวเราะเพราะเป็นการกระตุ้นทางร่างกาย

แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน เสียงตลกๆ ซึ่งมาจากของเล่นจะช่วยกระตุ้นให้ลูกยิ้มหรือหัวเราะได้ เริ่มตั้งแต่เขาอายุได้ประมาณ 6 เดือน เขาจะมีข้อมูลเกี่ยวกับโลกรอบตัวมากพอที่จะทำให้เขารู้สึกประหลาดใจและสนุก สนานไปกับสิ่งที่เขาไม่คาดฝันได้ “เด็กทารกจะรู้สึกตลกขบขันเมื่อเขาเอาสิ่งที่เขาคุ้นเคยมาผสมกับสิ่งใหม่ๆ อย่างละนิดอย่างละหน่อย” พอล อี แมคคี PhD นักจิตวิทยาด้านพัฒนาการและผู้เขียนเรื่อง Understanding and Promoting the Development of Children's Humor (Kendall/Hunt, 2543) กล่าว

ในตอนนี้ การเล่นจ๊ะเอ๋จะกลายเป็นเรื่องสนุกสนานที่เขาโปรดปราน และแทบทุกอย่างที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากปกติที่เขารู้จักจะทำให้เด็กๆ หัวเราะคิกคักได้ อดัม เพิร์ลแมนชอบแกล้งทำเป็นดื่มน้ำจากถ้วยหัดดื่มสำหรับเด็กๆ เพื่อดูว่าลูกชายวัย 1 ขวบของเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร “ทันทีที่ผมเอาถ้วยของเด็กๆ เข้าปาก ชาร์ลีจะขำก๊ากออกมา” แรนดอล์ฟ คุณพ่อของลูกวัย 5 ขวบกล่าว “ผมกลายเป็นตลกคนโปรดของเขาเลยล่ะ!” เด็กเข้าใจว่าคุณพ่อโตแล้วและไม่ควรดื่มน้ำจากถ้วยเล็กๆ สำหรับเด็ก อารมณ์ขันของเด็กเกิดขึ้นจากจุดนี้เอง พอลอธิบาย

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในกระบวนรับรู้ในช่วงขวบปีที่สองของเด็ก จะทำให้เขาเข้าใจเรื่องตลกๆ จากการได้ยินเสียงหรือการมองเห็นได้ พญ. คิมเบอรี่ ซิมลิค กุมารแพทย์ได้อธิบายว่า “เมื่อเด็กอายุครบ 2 ขวบ เขาจะเข้าใจกฎระเบียบและรูปแบบขั้นพื้นฐานง่ายๆ ดังนั้น เมื่อทำอะไรที่ผิดแปลกไปจากกฎเหล่านั้น เขาจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องตลก” เธอกล่าว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกของคุณรู้ว่าวัวร้องว่า “มอๆ” เขาอาจจะรู้สึกเป็นเรื่องตลกมากหากคุณแม่หยิบตุ๊กตาหมาหรือตุ๊กตาแมวขึ้นมา แล้วร้องว่า “มอๆ”
เมื่อทักษะทางด้านภาษาของเขาพัฒนายิ่งขึ้น การเล่นคำจะกลายเป็นเรื่องตลกขบขันมากสำหรับเด็กวัยหัดเดิน เสียงอะไรก็ตามที่สัมผัสคล้องจองกันจะเป็นเรื่องตลกสำหรับหนูน้อยไพเพอร์ ซามูเอลส์ วัย 2 ขวบครึ่ง “นอกจากนั้น เขายังคิดว่าเวลาที่ร้องเพลงด้วยเสียงแปลกๆ เป็นเรื่องตลกสุดๆ สำหรับเขา” ไดน่า คุณแม่ของหนูน้อยกล่าว

อารมณ์ขันของเด็กจะหายไปเมื่อเขาเริ่มสนุกไปกับการเล่นโดยใช้จินตนาการใน ช่วงวัย 3 ขวบ เด็กในช่วงก่อนวัยเรียนจะชอบทำเรื่องตลกด้วยตัวเอง เช่น ใส่รองเท้าส้นสูงของคุณแม่เพื่อทำให้คุณยายหัวเราะ เปลี่ยนท่อนจบของเพลงโปรดไปเป็นคำตลกๆ หรือแม้แต่เล่าเรื่องตลกแบบไร้สาระแบบเด็ก ๆ (แม้ในบางครั้งมุขของเขาจะฝืดสนิทก็ตาม!)

ปล่อยให้ช่วงเวลาดีๆ หมุนไป

การมีอารมณ์ขันที่ดีเป็นสิ่งสำคัญกว่าการที่แค่สามารถเล่าเรื่องตลกได้ อารมณ์ขันเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรามองเห็นด้านที่สบายๆ ของชีวิต “อารมณ์ขันจะแปรเปลี่ยนโลกแห่งความจริงเพื่อช่วยให้เราสามารถรับมือกับ สถานการณ์อันเคร่งเครียดได้” ทอม คอทเทิล PhD นักจิตวิทยากล่าว การค้นหาและเพลิดเพลินไปกับสิ่งไร้สาระในชีวิตจะทำให้เราสามารถรับมือกับ ช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ง่ายยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น อารมณ์ขันยังมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง “เนื่องจากว่าเด็กๆ ที่มีอารมณ์ขันจะมีแนวโน้มว่าเป็นที่ชื่นชอบของผู้อื่นมากกว่าและสามารถผูก มิตรกับคนอื่นได้เร็วกว่า เขาจึงรู้สึกกับตัวเองดีขึ้น” พอลอธิบาย และอย่าลืมเรื่องพลังแห่งการบำบัดของอารมณ์ขัน เด็กที่สามารถทำให้เพื่อนที่กำลังเศร้าอยู่หัวเราะได้ เขาจะเป็นคนที่เข้าใจถึงความสำคัญของการเอาใจใส่และการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ในทางเดียวกัน เด็กที่สามารถหัวเราะกับตัวเองได้เมื่อเขาทำผิดพลาด จะเป็นคนที่สามารถยอมรับสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบได้ง่ายยิ่งขึ้นและไม่กลัวที่ จะพยายามทำอีกครั้ง

ตลกอะไรกันนักกันหนา!

แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องตลกขบขันทุกประเภทจะสมควรได้รับการชมเชยเสมอไป เรื่องตลกบางอย่างอาจทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นหรืออาจเป็นเรื่องหยาบคายมาก ทอมกล่าว และเรื่องบางอย่างที่คนกลุ่มหนึ่งคิดว่าเป็นเรื่องตลกสุดๆ แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งอาจคิดว่าเป็นเรื่องหยาบคายก็ได้ “เรื่องนี้อาจสร้างความสับสนให้กับเด็กๆ ได้เป็นอย่างมาก” เขากล่าวเพิ่ม “ทั้งนี้เป็นเพราะเรื่องบางอย่างที่สังคมรับไม่ได้ กลับเป็นเรื่องน่าตลกขบขันอย่างที่สุด”

สำหรับเด็กวัยหัดเดิน ปกติแล้วอารมณ์ขันของเขาจะไม่พ้นเรื่องในห้องอาบน้ำ “เมื่อถึงเวลาฝึกให้เขานั่งโถส้วม เขาจะตื่นตาตื่นใจกับร่างกายของตัวเอง หน้าที่การทำงานของร่างกายแต่ละส่วน และสิ่งที่ออกมาจากร่างกายของเขาเอง” ทิมโมที่ เจ PhD ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมสซาชูเสต และผู้เขียนหนังสือ What to Do When Your Kids Talk Dirty (Resource, 2540) อธิบาย

ความคิดแต่เรื่องอึและฉี่เป็นวิธีปกติที่สุดที่เด็กๆ จะรับมือกับความท้าทายในการควบคุมการทำงานของร่างกาย การควบคุมดังกล่าวอาจเป็นเรื่องน่ากระวนกระวายใจสำหรับเด็กเล็กๆ ก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำว่าให้คุณแม่ทำใจรับกับระยะนี้ของเด็ก ถ้าคุณแม่แสดงปฏิกิริยามากเกินไปเวลาที่ลูกพูดตลกเกี่ยวกับเรื่องในห้องน้ำ ก็จะยิ่งเป็นการตอกย้ำความคิดที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องต้องห้ามโดยไม่รู้ ตัว ซึ่งจะยิ่งทำให้เด็กวัยหัดเดินรู้สึกตลกยิ่งขึ้นไปอีก การกระเซ้าเย้าแหย่คุณพ่อคุณแม่ถือเป็นงานของเขา “การพูดตลกเรื่องเกี่ยวกับในห้องน้ำเป็นวิธีที่เด็กทดสอบว่าสังคมสามารถยอม รับเรื่องตลกประเภทนี้ได้มากน้อยแค่ไหน” หลุยส์กล่าว “เคล็ดลับสำหรับคุณพ่อคุณแม่คือ ให้กำหนดข้อจำกัดที่เหมาะสมโดยไม่ต้องใส่ใจกับสถานการณ์เหล่านี้มากนัก”

ดังนั้น หากลูกของคุณพยายามเรียกร้องความสนใจ เช่น ดึงกางเกงตัวเองลงเมื่ออยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือร้องตะโกนว่า “อึ!” ในที่สาธารณะทุกครั้ง ทิมโมที่แนะนำให้ปฏิบัติตามกลยุทธ์ดังต่อไปนี้ “ให้พูดง่ายๆ ว่า ‘เราไม่ใช้มุขในห้องน้ำที่นี่นะจ๊ะ’ หรือ ‘ตลกมากเลย แต่ครั้งเดียวก็พอแล้วนะจ๊ะ’ จากนั้นจึงให้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของลูก”

อารมณ์ขัน

มีเหตุผลดีๆ ที่ทุกคนในครอบครัวควรหัวเราะออกมาดังๆ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การหัวเราะนั้นช่วยลดความดันให้ต่ำลง ช่วยการหมุนเวียนโลหิต และเพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกันได้

กุญแจสำคัญที่จะปลูกฝังลูกของเราให้เป็นเด็กที่มีอารมณ์ขันอยู่เสมอ นั่นคือคุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขา พูดตลกๆ กับตัวเองเวลาคุณทำนมหกและพูดออกไปทำนองว่าถึงจะทำผิดพลาดไปบ้าง ก็ไม่เป็นไร คุณแม่ควรกระตุ้นให้ลูกเล่าเรื่องตลกๆ ที่เขาพบเห็นมาให้ฟัง และควรอำอะไรไร้สาระร่วมกันบ้างในแต่ละวัน หลุยส์แนะนำ

สิ่งง่ายๆ อย่างเช่น ทำให้แซนด์วิชพูดได้หรือสวมหมวกเบสบอลบนหัวเจ้าตูบ จะช่วยส่งเสริมความคิดของเขาว่า การมีอารมณ์ขันทำให้ชีวิตสนุกขึ้นอีกเยอะ แถมยังมีโบนัสพิเศษอีกด้วย นั่นก็คือจำเป็นการปลูกฝังให้เขามีความคิดสร้างสรรค์ “ส่วนหนึ่งของพลังแห่งอารมณ์ขันคือ จะเป็นการสร้างเสริมนิสัยของเขาให้มองสิ่งต่างๆ จากแง่มุมที่ไม่เหมือนใคร” พอลกล่าว ซึ่งผลที่ได้รับคือ ลูกของคุณจะมีความพร้อมในการแก้ปัญหาดีขึ้น และเข้าใจทัศนคติของผู้อื่น ซึ่งเป็นทักษะที่ประเมินค่าไม่ได้อันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต

ดังนั้น คุณแม่ควรสนับสนุนให้เจ้าตัวน้อยทำท่าเดินเป๋ไปเป๋มาเหมือนเป็ดหรือเอากล่อง ใส่อาหารมาทำเป็นหมวก หากเราหาเวลาและสถานที่ให้ลูกๆ ได้ทำตัวต๊องๆ ตามอิสระแล้วละก็ เขาก็จะกลายเป็นเด็กขี้เล่นในแบบธรรมชาติของเขา

วิธีการที่จะทำให้ลูกน้อยหัวเราะ

ต่อไปนี้เป็นวิธีที่ดีเยี่ยมที่จะได้หัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน

เด็กแรกเกิดไปจนถึง 1 ขวบ

* ร้องเพลง "แมงมุมขยุ้มหลังคา" พร้อมกับจั๊กจี้เขาเบา ๆ
* พูดว่า “โอ้โห” ด้วยเสียงตลกๆ และทำหน้าประหลาดๆ เมื่อใดก็ตามที่เขาตั้งใจทำของตก
* เล่นจ๊ะเอ๋กับเขา และให้คุณแม่เปลี่ยนสีหน้าทุกครั้งที่เปิดหน้ามาจะเอ๋เขา

วัย 1 ถึง 2 ขวบ

* เล่น “ไล่จับ/หอม” คลานไล่จับเขา (“แม่จะจับหนูแล้วนะจ๊ะ!”) และให้รางวัลเขาเมื่อจับได้โดยกอดเขาแน่นๆ
* ทำหน้าตลกๆ และกระตุ้นให้ลูกเลียนแบบ
* ร้องเพลงและพูดเป็นเพลง

วัย 2 ถึง 4 ขวบ

* ร้องเพลงเก่าๆ และให้เขาร้องประสานเสียงแบบฮาๆ
* เล่นแต่งตัว ให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าของคุณแม่ และคุณแม่แกล้งทำเป็นสวมใส่เสื้อผ้าของเขาบ้าง
* สนุกสนานไปกับอาหาร เช่น เอาซีเรียลอาหารเช้ามาเรียงเป็นหน้าคนยิ้ม

ที่มา : ฮักกี้ดอทซีโอดอททีเฮท

0 comments:

Post a Comment

 

Mama And Baby Care Copyright © 2009 Baby Shop is Designed by Ipietoon Sponsored by Emocutez