A Blogger by Beamcool

Thursday, July 30, 2009

การเลี้ยงดูลูก - ศักยภาพสูงสุดของลูกน้อยด้าน ทักษะการเคลื่อนไหว ( เรียนรู้การคลาน )

Posted by wittybuzz at 11:23 PM
มีพัฒนาการอย่างหนึ่งซึ่งควบคู่ไปกับพัฒนาการ ที่สำคัญอย่างอื่นในการเจริญเติบโตของทารก นั่นก็คือการคลาน ซึ่งจะทำให้หนูน้อยเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้เองเป็นครั้งแรก เมื่อตอนที่เจ้าตัวน้อยยังเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนเองไม่ได้ เขาทำได้แค่นั่งและสำรวจไปรอบๆ เท่าที่เขาเอื้อมถึง แต่พอเขาคลานได้ ทันใดนั้นเขาก็ได้สัมผัสกับโลกใบใหม่ ซึ่งก็คือโลกแห่งการเคลื่อนไหว

วัตถุประสงค์ของการคลาน

การคลานเป็นจุดเริ่มต้นของการเดิน และยังเป็นวิธีการพื้นฐานที่สำคัญสำหรับทารกในการเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวเขา

“การคลานช่วยส่งเสริมการเดินได้ เพราะจะทำให้เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อแขน ลำตัว กระดูดเชิงกราน เอว และขาส่วนล่าง” กล่าวโดยดร. อารี บราวน์ กุมารแพทย์และเป็นคุณแม่ลูกสองและเป็นหนึ่งในผู้เขียนหนังสือ Baby 411 (Windsor Peak, 2006) "Practice builds tone, strength and coordination"

แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่และอย่างไรดี

เด็กส่วนมากจะเริ่มคลานได้ตอนอายุระหว่าง 6 ถึง 9 เดือน ในช่วงเวลานี้เอง เขาจะนั่งเองได้โดยไม่ต้องมีคนพยุง และกลุ่มกล้ามเนื้อที่สำคัญของเขาจะมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะพยุงร่างกาย ของเขาเองได้

“พอนั่งได้ ลูกน้อยจะเริ่มหมุนตัว โยกตัว และคลานโดยใช้มือและเข่า” ลอรี ลีคอร์เนอร์ ผู้แต่งหนังสือเรื่อง A Parent's Guide to Developmental Delays: Recognizing and Coping with Missed Milestones in Speech, Movement, Learning and Other Areas (Perigee, 2006) กล่าว “ความแข็งแรงที่จำเป็นสำหรับการคลานนั้น สะสมมาตั้งแต่วันแรกๆ ที่เขาลืมตาดูโลกเวลาที่จับเขานอนคว่ำหน้าและเขาเริ่มเสริมสร้างความแข็ง ของกล้ามเนื้อคออย่างช้าๆ แล้วจึงไล่ไปที่กล้ามเนื้อแขนและไหล่เวลาที่เขาผลักตัวขึ้นเพื่อให้มองได้ดี ยิ่งขึ้น”

การเปลี่ยนจากการนั่งไปเป็นการคลานอาจเกิดขึ้นทีละเล็กละน้อยในช่วงระยะเวลา หลายเดือน ในบางขั้นตอนจะเป็นการเรียนรู้เพื่อการทรงตัวแขนขาทั้ง 4 การโยกตัวไปมาด้วยมือและเข่า และในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าการดันเข่าจะช่วยให้เขาสามารถเคลื่อนที่ไปด้าน หน้าได้ตามที่ต้องการเพื่อเริ่มคลาน

ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะคลานในลักษณะเดียวกัน เด็กบางคนคลานไปด้านหน้าตามปกติ แต่เด็กบางคนมีวิธีคลานของเขาเอง แชนนอน โรเซ็นเบิร์ก คุณแม่ของฝาแฝดในเมืองเวสลีย์ ฮิลล์ รัฐนิวยอร์กกล่าวว่าลูกของเธอคนหนึ่งเริ่มหัดคลานช้าไปสักหน่อย “[แต่] เมื่อเขาเริ่มคลาน...เขากลับคลานถอยหลังไปใต้เก้าอี้” เธอกล่าว “อันที่จริงแล้ว ลูกทั้งสองคนคลานถอยหลังเป็นอันดับแรก”

การคลานถอยหลังบางทีอาจเป็นผลจากกล้ามเนื้อไม่สม่ำเสมอกัน (แขนมีความแข็งแรงมากกว่าขาเล็กน้อย) แต่ในไม่ช้ามันจะเข้าที่เข้าทางเองเมื่อเด็กเริ่มพัฒนาทักษะทางการเคลื่อน ไหวกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ในไม่ช้าเขาจะเปลี่ยนจากคลานถอยหลังเป็นคลานเดินหน้าด้วยตัวเองโดยที่คุณพ่อ คุณแม่ไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้าหากเขาสามารถเคลื่อนที่ได้ไม่ว่าจะเลือกเดินหน้าหรือถอยหลังก่อนก็ตาม นั่นแสดงว่าเขาปกติสมบูรณ์ดี

คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเหลือได้หรือไม่

ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะให้แรงจูงใจบางอย่างกับลูกน้อยเพื่อกระตุ้นให้ เขาคลาน ถ้าหากคุณแม่ปล่อยให้เขาสบายจนเกินไป (เช่น หยิบของเล่นที่เขาอยากได้ให้เขาทุกครั้ง ฯลฯ) ก็จะเป็นการกระตุ้นเขาให้นั่งอยู่กับที่ แต่คุณแม่ควรหาวิธีเพื่อส่งเสริมให้พวกเขากลายเป็นคนคล่องแคล่วจะดีกว่า คุณพ่อคุณแม่ควรวางของเล่นที่เหมาะสมกับวัยของลูกให้อยู่ไกลจากรัศมีการ เอื้อมของเขาสักเล็กน้อยเมื่อเขาอยู่ในท่านั่ง ลอรีกล่าว “นอกจากนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูกเล่นเกมเครื่องบินก็ได้ โดยให้เขาบินในอากาศและจากนั้นจึงร่อนลงสู่พื้นโดยใช้มือของเขาค้ำยันไว้ (พยุงน้ำหนักบางส่วนของร่างกายเขา)” เธอกล่าว “หรือคุณพ่อคุณแม่อาจเล่นเกมหรือร้องเพลงเพื่อหลอกล่อให้ลูกน้อยมาหาคุณพ่อ คุณแม่โดยใช้วิธีเคลื่อนไหวแบบไหนก็ได้”

อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องเป็นกังวลมากนักเรื่องที่จะผลักดันให้ลูกน้อยขยับเขยื้อนร่างกายตาม ตารางเวลาของคุณแม่ คอร์นีย์ รามิเรซ ในเมืองซานเจอร์ คาลิฟ เคยกังวลเล็กน้อยเมื่อลูกสาวของเธอไม่ยอมคลานสักที ถึงแม้ว่าลูกสาวของเธอยังอยู่ในช่วงวัยปกติสำหรับการคลานก็ตาม แต่เขาก็อยู่ในช่วงปลายๆ แล้ว ซึ่งเป็นเหตุให้คอร์นีย์วิตกกังวล อย่างไรก็ตาม คอร์นีย์ได้เรียนรู้ว่า เด็กจะไม่มีปัญหาเรื่อง “พัฒนาการช้า” หรอกนอกเสียจากว่าคุณหมอจะเป็นคนระบุว่าเด็กมีปัญหาด้านพัฒนาการเฉพาะทาง บางอย่าง

“คำแนะนำที่ดีที่สุดของฉันสำหรับคุณแม่มือใหม่ก็คือ ควรตระหนักว่าเด็กทุกคนแตกต่างกัน” คอร์นีย์กล่าว คอร์นีย์ตัดสินใจว่าการผ่อนคลายเป็นวิธีที่ดีที่สุด แทนที่จะกระวนกระวายใจกับตัวเธอเองและลูกของเธอ “ฉันกระตุ้นให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น แต่ฉันไม่ได้พยายามฝึกให้เธอคลาน ฉันพบว่าเมื่อเขาพร้อมที่จะคลานเมื่อไร เขาก็จะคลานได้เอง” สัญชาติญาณของคอร์นีย์ถูกต้อง “เขาข้ามขั้นตอนการกระดืบไป และวันหนึ่งเขาก็เริ่มคลานเลย”

เมื่อไรที่ควรเป็นกังวล

ที่จริงแล้ว การคลานไม่ได้ถือว่าเป็นพัฒนาการที่สำคัญของเด็กเลยด้วยซ้ำ เด็กบางคนอาจข้ามขั้นตอนการคลานไปแล้วเดินได้เลยก็มี คารอล วู้ดในเมืองวินเนตก้า คาลิฟ พบว่ากรณีเช่นนี้ก็เกิดกับโมนิก้า ลูกคนที่สองของเธอเช่นกัน “เขาไม่เคยคลานเลย” เธอกล่าว “เขาเริ่มจากนอนคว่ำ แล้วก็เดินได้เลย” คารอลค่อนข้างวิตกกังวล เธอจึงเลือกที่จะไปปรึกษากับแพทย์ “[คุณหมอของฉัน] กล่าวว่า ‘หากเขาไม่อยากคลาน เขาก็ไม่ต้องคลานก็ได้”

ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนของเรายอมรับว่าการคลานไม่ได้เป็นพัฒนาการที่สำคัญ ตราบใดที่เด็กยังมีการเคลื่อนไหวด้วยวิธีอื่นๆ “มีเด็กบ้างคนที่ข้ามขั้นตอนการคลานไปเลยก็มี” ลีคอร์เนอร์กล่าว “แต่คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มวิตกกังวลหากลูกอายุ 10 เดือนแล้วแค่เขาไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย”

การสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเด็ก ไม่ว่าจะโดยเกาะเฟอร์นิเจอร์เดิน กลิ้งตัว ค่อยๆ กระดืบไป ลีคอร์เนอร์แนะนำให้สังเกตสัญญาณเตือนภัยดังต่อไปนี้ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความจำ เป็นที่ต้องไปปรึกษากับกุมารแพทย์

* เด็กไม่สำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเมื่อเขาอายุ 10 เดือนขึ้นไป
* แสดงว่าชอบร่างกายข้างใดข้างหนึ่งอย่างชัดเจน
* ไม่สามารถประสานการทำงานของร่างกายทั้งสองข้างให้สอดคล้องกันได้
* “การที่เด็กข้ามขั้นตอนการคลานไปนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการอื่นแต่อย่างใด และไม่เกี่ยวข้องกับว่าเด็กจะเรียนเลขเก่งหรือไม่เก่งด้วย (นั่นเป็นความเชื่อแบบโบราณ)” ดร. บราวน์กล่าว


รักษาความปลอดภัยของเจ้าตัวน้อยวัยหัดคลาน


เตรียมตัวให้พร้อม! เมื่อลูกน้อยเริ่มเคลื่อนที่ได้แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดเขาได้ และต่อไปนี้คือคำแนะนำเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าตัวน้อยที่เพิ่งคลาน ได้ใหม่ๆ

* ก้มตัวลงบนพื้นและมองข้าวของรอบตัวจากมุมมองของเด็ก
* เก็บสิ่งของเล็กๆ ออกไป (เช่น เหรียญที่ตกอยู่ใต้เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น)
* เคลื่อนย้ายของอะไรก็ตามที่เขาอาจสามารถดึงได้ เช่น สายโทรศัพท์ สายไฟฟ้า หรือผ้าม่าน
* หาผ้านุ่มๆ มาปูบริเวณที่ไม่ได้ปูพรมเพื่อป้องกันมือและเข่าของลูกน้อย
* ป้องกันความปลอดภัยทั่วทั้งบ้าน (ชั้นวางของ ช่องลมที่ผนัง ห้องน้ำ)
* ติดประตูที่บันไดชั้นบนสุดและล่างสุด
* เมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มคลานได้ เขาอาจจะไปอยู่ในที่ที่คุณแม่ไม่อยากให้เขาไปก็ได้ ควรระมัดระวังและป้องกันความปลอดภัยในทุกๆ สิ่ง และอย่าปล่อยลูกน้อยทิ้งไว้โดยไม่มีคนดูแล

ที่มา : ฮักกี้ดอทซีโอดอททีเฮท

0 comments:

Post a Comment

 

Mama And Baby Care Copyright © 2009 Baby Shop is Designed by Ipietoon Sponsored by Emocutez