ชอว์น่าจดจำได้อย่างแม่นยำเมื่อตอนที่เฮย์ลี่ย์ ลูกสาวของเธอยิ้มเป็นครั้งแรก “ฉันเดินไปยังเธอเพื่ออุ้มเธอขึ้นและเธอก็ยิ้มกว้างให้ฉัน ฉันเกือบจะร้องไห้เลยทีเดียว” คุณแม่ของลูกสาวกล่าว
รอยยิ้มครั้งแรกเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงอารมณ์อันน่าทึ่งที่เขาแสดงออกและ เด็กจะสามารถยิ้มได้ภายในขวบปีแรก ในช่วง 3 เดือนแรก เด็กอาจสามารถ “อ่าน” การแสดงอารมณ์และจัดเก็บข้อมูลไว้ในความทรงจำที่กำลังเจริญเติบโตของเขา ประสบการณ์ที่จัดเก็บไว้เหล่านี้จะช่วยให้ลูกสามารถจัดการและควบคุมการแสดง อารมณ์เมื่อเขาโตขึ้นได้
นั่นเขายิ้มจริงๆ หรือเปล่านะ
ในช่วงวัย 3 เดือน ลูกน้อยอาจเพลิดเพลินไปกับการทำความคุ้นเคยกับคุณแม่และสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว เขาอาจจะยิ้มง่ายและกระตือรือร้นสนใจมองดูใบหน้าของคนอื่นๆ
“เด็กจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับคนอื่นและการแสดงอารมณ์ของพวกเขาเมื่อได้มี โอกาสเฝ้ามอง ฟัง และมีส่วนร่วมในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม” กล่าวโดยนพ. นอร์เบิร์ต เฮอร์ชโกวิตซ์ และเอลินอร์ แชพแมน เฮอร์ชโกวิตซ์ ผู้ร่วมกันเขียนหนังสือเรื่อง A Good Start in Life...Understanding Your Child's Brain and Behavior.
นอกจากนั้น คุณแม่ยังคาดหวังได้ว่าจะได้ยินลูกหัวเราะคิกคักเป็นครั้งแรกในระหว่างช่วง เวลานี้ “เมื่อเด็กอายุได้ประมาณ 4 เดือน วิธีที่จะทำให้เขาหัวเราะได้แน่ๆ ก็คือทำเสียงบรือออตลกๆ ให้เขาฟัง และจูบหรือจั๊กจี้ที่ท้องเขา” นอเบิร์ตกล่าว
ปฏิกิริยาตอบสนองของคุณพ่อคุณแม่จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อวิธีที่ลูกน้อยตอบ สนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ในอนาคต อาร์ลีน วอล์คเกอร์ แอนดรูว์ ศาสตราจารย์ภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยรัตเจอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ กล่าวว่าเด็กทารกจะพัฒนาความสามารถในการอ่านอารมณ์ของเราได้ตั้งแต่ที่เขา ยังเล็กๆ “เราพบว่าเด็กทารกจะจดจำการแสดงอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่ได้เมื่อเขาอายุ 3 เดือนครึ่ง” อาร์ลีนกล่าว
เนื่องจากเด็กทารกจะจ้องมองคุณพ่อคุณแม่อย่างใกล้ชิด ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรควบคุมอารมณ์ให้ดี เด็กๆ สามารถรับรู้อารมณ์วิตกกังวลได้มากพอๆ กับความสุข คุณแม่ควรแสดงปฏิสัมพันธ์กับลูกน้อยด้วยน้ำเสียงและการแสดงออกที่อ่อนโยน เมื่อลูกน้อยตื่นตัวและรู้สึกอยากเข้าสังคม คุณแม่ก็ควรตอบสนองเวลาที่เขายิ้มและเวลาที่เขาส่งเสียงอ้อแอ้ ให้รับฟังและพูดคุยกับเขา และตอบสนองเขาอย่างอบอุ่นและปลอบโยนเขาเมื่อลูกรู้สึกวิตกกังวลหรือหวาดกลัว และกำลังร้องไห้ พยายามห่อตัวลูกไว้ในผ้าห่มหรืออุ้มลูกไว้แนบตัวในขณะที่ใส่เขาไว้ในเป้อุ้ม เด็ก อุ้มลูกเดินหรือโยกตัวไปตามเสียงดนตรีที่ขับกล่อมอย่างนุ่มนวล
ลูกมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัว!
ในระหว่างช่วงวัย 6 ถึง 9 เดือน ลูกน้อยอาจเริ่มพัฒนาลักษณะนิสัยเฉพาะตัวของเขาเอง ในตอนนี้คุณแม่จะคุ้นเคยกับอารมณ์ของลูกและเขาจะแสดง “น้ำเสียง” ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของเขาเอง บางทีลูกอาจรู้สึกตื่นเต้นเมื่อถึงเวลาอาบน้ำหรือซุกอยู่ในอ้อมกอดของคุณแม่ เมื่อถึงเวลาเข้านอน เขาจะจดจำอารมณ์ต่างๆ ที่มีคนแสดงออกกับเขาทั้งในแง่บวกหรือแง่ลบ เวลาที่มีคนส่งเสียงดังโหวกเหวกหรือเวลาที่คุณแม่สัมผัสลูกด้วยความตึง เครียด ทั้งหมดนี้จะถูกเก็บไว้ในความทรงจำของเขา
ในช่วงวัยนี้ ลูกน้อยจะเพลิดเพลินไปกับการได้อยู่รอบๆ คนที่รักเขา เขาจะเริ่มรู้สึกผูกพันกับคนที่ดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กจะเริ่มรู้สึก “กังวลเมื่ออยู่ห่างแม่” เด็กส่วนมากในช่วงวัยนี้จะแสดงออกถึงความวิตกกังวลและความหวาดกลัวเมื่อคุณ พ่อคุณแม่พ้นจากสายตาเขาไป
ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกวิตกกังวลอยู่บ้าง แต่พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหมายความว่าศูนย์กลางความทรงจำในสมองของเด็กกำลังเจริญเติบโตอย่างเต็ม ที่ เกมอย่างเช่น เกมจ๊ะเอ๋และเกมเล่นซ่อนหาจะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้ว่าคนและสิ่งของต่างๆ สามารถหายไปและกลับคืนมาได้
การทำตัวเป็นต้นแบบ
เมื่อลูกน้อยอายุเข้าใกล้สู่ช่วงเดือนสุดท้ายของขวบปีแรก เขาอาจสามารถแสดงอารมณ์ได้หลากหลายระดับยิ่งขึ้น เขาอาจสามารถแยกแยะระหว่างคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดีกับคนที่เขาไม่รู้จัก ได้ ลูกอาจมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นในตอนนี้และอยากรู้อยากเห็นเพื่อสำรวจสิ่ง ต่างๆ รอบตัว ที่จริงแล้วความเป็นอิสระที่เขาเพิ่งค้นพบใหม่นี้จะช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัย และมั่นคงเมื่อเขาเคลื่อนตัวออกห่างจากคนที่เขารักและไว้ใจแล้วคลานกลับมาหา ใหม่ อะไรก็ตามที่เขาไม่สบอารมณ์ที่แต่ก่อนทำให้เขาร้องไห้ ตอนนี้เขาอาจจะแค่ทำหน้าบูดบึ้งหรือแค่ส่ายหน้าเพื่อเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขา ไม่ชอบ
ลูกอาจจะแสดงสัญญาณว่าเขาหงุดหงิดหรือโกรธ โดยคุณแม่ควรสังเกต “การแสดงอารมณ์อันเกรี้ยวกราดครั้งแรกของลูก” รันต์จำได้ดีว่าเฮย์ลีย์ ลูกสาวของเธอแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดเป็นครั้งแรกเมื่อเขาอายุได้ 9 เดือน เขาพยายามใส่บล็อกตัวต่อเข้าไปในของเล่นที่มีรูปร่างเป็นช่องๆ “เขาหงุดหงิดมากและเขาจะกรีดร้องหากเขาใส่บล็อกตัวต่อไม่เข้า หรือไม่เขาก็อาจจะโยนตัวต่อนั่นทิ้งหรือทุบตีของเล่น” รันต์กล่าว
บ่อยครั้งเมื่อเด็กตื่นเต้นมากจนเกินไปหรือได้รับการกระตุ้นมากเกินไป เขาจะรู้สึกหงุดหงิด อาร์ลีนได้ให้คำแนะนำว่าคุณพ่อคุณแม่ควรพยายามทำกิจกรรมอย่างอื่นหลังจากที่ เขาระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นนี้ “ปล่อยให้ลูกน้อยแสดงอารมณ์ออกมาและปลอบโยนเขาเพื่อช่วยให้เขาได้เรียนรู้ ที่จะปรับเปลี่ยนการแสดงอารมณ์ในแง่ลบได้เร็วยิ่งขึ้น” อาร์ลีนแนะนำ
ในระยะนี้ ตุ๊กตารูปสัตว์ตัวเล็กๆ น่ากอดสักตัวหรือผ้าห่มนุ่มๆ สักผืนอาจช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจเมื่อเขาเติบโตขึ้นและสำรวจ โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
เขากำลังเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวของคุณ
ความคิดที่ว่าเด็กกำลังเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวของเราอยู่นั้น อาจทำให้บางคนกระวนกระวายใจและระมัดระวังตัวจนเกินไป นพ. นอร์เบิร์ตได้ให้คำแนะนำอย่างง่ายๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ว่าควรทำตัวเป็นต้นแบบให้ลูก
กำหนดและบังคับใช้แนวทางอันเหมาะสมกับอายุและอารมณ์ของลูก อย่ายิ้มหรือหัวเราะเมื่อเขาแสดงพฤติกรรมที่คุณแม่ไม่เห็นด้วย หากลูกเห็นว่าคุณแม่หัวเราะ ก็จะเป็นการสนับสนุนให้เขาทำพฤติกรรมนั้นอีก คุณแม่ควรตอบสนองเวลาที่ลูกยิ้มและเวลาที่เขาอ้อแอ้ กอดลูกน้อยแน่นๆ หันเหความสนใจของเขาและพูดกับเขาเบาๆ เมื่อเขาโกรธ และควรปฏิบัติอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
นพ. นอร์เบิร์ตย้ำเตือนเราว่าเด็กๆ ต้องการสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและที่เขาสามารถคาดเดาได้เพื่อสร้างสัมพันธภาพ อันใกล้ชิดกับสิ่งที่อยู่รอบตัวเขา หากเราปล่อยปละละเลยเด็กหรือไม่ตอบสนองต่ออารมณ์ของเขาอย่างเหมาะสม เขาอาจจะลำบากในการสร้างสัมพันธภาพในเชิงบวกในภายหลัง
ที่มา : ฮักกี้ดอทซีโอดอททีเฮท
Saturday, August 15, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment